" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง : ความทรงจำสีจางใจกลางกรุงเจนีวา ✈️✨ "

สวัสดีค่าคุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เจ้าของกระทู้มาอัพเดทภาคต่อเรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 6 แล้วนะคะ 😊 ขอขอบคุณคุณผู้อ่านที่ยังเหนียวแน่นนะคะ เจ้าของกระทู้ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ลงภาคต่อเป็นซีรีส์ยาวแบบนี้เลย ปลื้มใจจริงๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ไปอ่านตอนล่าสุดกันได้เลยค่า กับตอน
" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง : ความทรงจำสีจางใจกลางกรุงเจนีวา ✈️✨ " ต่อจากตอนที่แล้วค่ะ

"เอาล่ะ.. ถือว่าวันนี้เราแกร่งขึ้นอีก 1 สเต็ป ฉะนั้น ตอนนี้นอนก่อนนะ.. ตั้งปลุก 7 โมงเช้าละกัน เพราะจะไปลุยเยอะเลย
ลุกขึ้นไปหยิบกระดาษที่จดเวลาปลุกกับเวลารถมารับตามที่หัวหน้าประกาศเอาไว้ตอนอยู่ในรถมาดู เราแอบเสียบไว้ในเสื้อแจ็คเก็ตยูนิฟอร์มนี่นา เดี๋ยวหาแพรพนึง
แหม่.. ตุงดีจังเลยแจ็คเก็ตเรา ล้วงไปมีตั้งแต่หนังยางจากยางที่รัดเมนู ถุงมือพลาสติคสำหรับล้างห้องน้ำ และลามไปถึงใบสำเนาเอกสารปิดบาร์เครื่องดื่มเลยทีเดียว

   อ่าา.. เจอละ เดี๋ยวรถมารับ 6 โมงเย็นนี่เอง แล้วเวลาปลุกก็คือ 5 โมง
ว่าแล้วเราก็นั่งคำนวนเวลานอนหักลบกับเวลารถมารับให้เสร็จสรรพ มือพลางหยิบนาฬิกาปลุกสีเหลืองยี่ห้อ Seiko คู่ใจที่พ่อซื้อให้ขึ้นมาใส่ถ่านและตั้งเวลาตามเวลาท้องถิ่น
หึหึ.. เป็นคนหลับลึกประหนึ่งโดนยาป้ายขนาดนี้ ต้องมี Backup จะได้ตื่นชัวร์!

สะบัดผ้านวมให้คลี่ออก เอาตัวสอดเข้าไป ปิดไฟดวงทางเข้าห้องตรงหน้าห้องน้ำพอ ที่เหลือเปิดทิ้งไว้เพราะกลัวผี แล้วเราก็.. นอนสิคะ รอทำไม!

ตื่นละ.. อะไรฟระ
เท่าที่รู้สึกได้ คือนอนไปได้แค่นิดเดียวเอง กี่โมงละเนี่ย.. ขอดูนาฬิกา
เหลือบไปที่นาฬิกาปลุก สี่ทุ่มกว่าเท่านั้น! โอ้วว.. จะรีบตื่นเพื่อ?? คงเป็นเพราะหลับไปช่วงบ่ายตั้ง 4-5 ชั่วโมงแน่ๆ ตอนนี้เลยนอนไม่หลับ แล้วตอนนี้หนูจะทำอะไร จะว่าJet Lagก็ไม่น่าใช่ หรือนาฬิการ่างกายเรามันรวนซะแล้น

ปิ๊งป่อง! โบราณว่าไว้ "เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็จะหย่อน"
เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น เราดีดนิ้วโพละเลย ดีอกดีใจในพุทธิปัญญาของตัวเอง
เดินไปเปิดซิปกระเป๋าล้อลากสีดำคู่ใจ มีอาหารซ่อนไว้ นิสชินคัพนู๊ดเดิ้ลรสต้มยำกล่องหนึ่ง และอีกกล่องหนึ่งก็ยำยำรสสุกี้ นี่กล่องสุดท้ายแล้วสิ ที่ซอกใต้หนังสือคู่มือความปลอดภัยยังมีโคลลอนรสช็อกโกแลตถูกทับไว้อีกหนึ่งกล่องที่เราพกมา
เหะ เหะ☺️ คนอะไร.. ช่างรอบคอบซะจริง
ว่าแล้วก็ลุกไปเสียบน้ำร้อนดีก่า เหลือบไปเห็นช็อกโกแลตร้อน 1 ซองที่มุมชากาแฟที่โรงแรมวางแจกให้ แหม่.. คนที่นี่ช่างรู้ใจ เดี๋ยวเราจะกินทั้งหมดเบยนะมื้อนี้ แล้วถ้ากินหมดนี่แล้ว และยังไม่หลับ ก็อาจจะเป็นอ้วกแทน ให้เลือกอย่างใดอย่างนึง!

เอาล่ะ.. เปิดซีดี ดูละครจากคอมต่อ ไม่เปิดหรอกนะทีวีในห้องน่ะ เอียนกับภาษาต่างประเทศ ตอนนี้พี่ต้องการละครไทย ยิ่งใส่ชุดไทย ชุดสไบ ย้อนยุคได้ยิ่งดี!
แล้วเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ และละครจบไปหนึ่งตอน พร้อมกับอาหารที่เข้าท้องจนท้องมาร
ฟินละ แปรงฟันล่ะนะ เดี๋ยวฟันผุ..

สุภาษิตโบราณไม่เคยหลอกใคร กลับมานอนแปะที่เตียงได้ไม่นาน ก็เคลิ้ม และหลับไป

กริ๊งงงงง...
นาฬิกาปลุกรุ่นนี้นี่ดังจนเหมือนสัญญาณเตือนอัคคีภัย ถ้างัวเงียปล่อยให้ดังนานกว่านี้นี่ ห้องข้างๆมีอพยพแน่เชียว.. จะต้องรีบกดปิด
ว่าแล้วเราก็ลุกไปอาบน้ำ แต่งตัว เช็คแบตกล้อง และออกไปท่องสวิสซะที
สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่เราลืมก็คือ การแต่งหน้า

โอ้ววว ธรรมชาติ รอรถเมล์ มองไปทางซ้าย เห็นยอดเขามงต์บล็องไกลๆ อากาศดี มีอิสระ
นั่งฟังรถเมล์ประกาศชื่อแต่ละสถานีเป็นภาษาฝรั่งเศส "Le Prochain Arrêt - Lyon" โอ๊ยย.. มันคลาสสิค
เหลือบไปเห็น.. ฝรั่งมองมา ไม่ใช่ว่าสวยหรือว่าอะไร แกคงกลัวใจต่างด้าวอย่างเราที่เดี๋ยวหลับตาพริ้ม เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหันซ้ายหันขวา และด้วยชุดที่เราใส่ จะเป็นนักท่องเที่ยวก็ไม่ใช่ จะเป็นคนเร่ร่อนก็ไม่เชิง
เอาน่า.. เพิ่งได้เป็นแอร์ เรายังจับสไตล์ยุโรปไม่ถูก เงินเดือนก็ยังไม่กล้าใช้ช็อปของแพง เลยใส่เสื้อผ้าเซ็ตที่ขนมาจากบ้านนั่นแหละ แล้วเอามาใส่ทับๆกันหลายๆชั้นให้กลายเป็นชุดกันหนาวแทน ดูจริงๆมันก็เก๋นะ แต่ดูบางทีมันก็คล้ายชุดผู้อพยพสงคราม

ไม่สิ! โฟกัสเราอยู่ที่ "โลกกว้าง" ไม่ใช่ความสวยงามจากการแต่งองค์ทรงเครื่อง ลงรถเมล์ล่ะนะ พร้อม! ไป!
วิ่ง 4x100 เมตรจากป้ายรถเมล์ไปน้ำพุ ไม่รู้ว่าวิ่งทำไม มองไปรอบๆที่ตึกที่วิ่งผ่าน ช็อปนาฬิกาแบรนด์ระดับโลกเรียงราย ร้านค้าแบรนด์ดังต่างๆอยู่ในตัวอาคารสวยสไตล์ยุโรป ไม่ได้มีห้างสรรพสินค้าใหญ่โตอะไร แต่ทั้งย่านกลับดูเรียบง่าย หรูและคลาสสิคอยู่ในตัว

มองไปที่จักรยานที่จอดอยู่แถวๆร้านอาหาร ก็น่าปั่นอยู่หรอกบรรยากาศแบบนี้ ไม่ต้องกลัวโดนรถเสย หากไม่เกรงใจนี่จะเดินไปสะกิดคนที่นั่งกินละนะ
"พี่ๆ ยืมจักรยานแพรพ ขอปั่นแถวๆนี้ 10 นาที เดี๋ยวเอามาคืน" แต่ด้วยชุดเราวันนี้ กลัวพี่แกจะเรียกตำรวจมาจับมากกว่าให้ยืม เราจึงควรเดินต่อไป
เห็นละ.. ร้านอาหารเอเชีย ตั้งเป็นเต็นท์เล็กๆริมทะเลสาป จัดไป.. อย่าให้เสีย! แกงไก่สไตล์ฝรั่ง จืด หวาน ไม่อร่อย แต่มีคุณค่าทางจิตใจ เราจะได้มีแรงวิ่งต่อ

คนเริ่มมาละตอนนี้.. เดี๋ยวรอนั่งเรือรอบ 10.30 ละกัน ซื้อตั๋วไว้ก่อนแล้วไปเดินเล่นต่อ
ร้านค้าเพิ่งเริ่มเปิด เดินวนไปรอบๆ มีความสุข ถ่ายรูปวิวแล้ว ก็ไม่ควรพลาดเก็บตัวเองไว้ในเฟรมด้วย เราจึงยืดมือสุดแรง แล้วถ่ายเซลฟี่ตัวเอง
แชะ.. แชะ แชะ แหม่! นี่เมม 2 หรือ 4 เมกกาไบท์นะ ถ่ายเยอะ กลัวเต็มจัง! เดี๋ยวถึงห้องต้องรีบเอารูปลงคอมซะเลย

ซื้อของที่ระลึกดีก่าา ร้านข้างๆทะเลสาบ แล้วจะได้ขึ้นเรือเลย ที่นี่มีแต่ของน่ารักๆรูปวัว รูปกระดิ่งวัว ทั้งพวงกุญแจ ที่ติดตู้เย็น ที่เปิดขวด
เราจึงจัดที่ติดตู้เย็นรูปบ้านนาฬิกากุ๊กกูมาหนึ่ง กดปุ่มแล้วมีเสียงกุ๊กกูจริง แต่ราคาไม่กุ๊กกูเท่าไหร่ แอบเหงื่อตกเล็กๆ ที่เหลือก็เอากระดิ่งมา เอาโปสการ์ดมา เอาไปฝากที่บ้าน

10 โมง 20 ละ รอเรือดีก่าา.. เห็นมีร้านไอติมอยู่ติดกับที่ขึ้นเรือ คนกินเยอะจัง อยากกินมั่ง
เดี๋ยวตอนลงเรือค่อยกินดีกว่า เพราะคนเยอะ กลัวไม่ทันเรือมา
วันนี้จัดหนักล่องเรือชั่วโมงครึ่ง กลัวเก็บประสบการณ์ไม่คุ้ม ไม่อยากคาใจ พี่นี่เตรียมเปิดกล้องรอเลย

พอเรือเทียบท่า เราก็เดินต่อคิวขึ้นไปช้าๆเนียนไปกับฝรั่ง
นับเป็นการล่องเรือที่รู้สึกแปลกแยกที่สุด ทุกคนล้วนมาเป็นหมู่คณะ ครอบครัว คู่รัก เพื่อนใสวัยรุ่น เต็มลำ ประหนึ่งจัดทัวร์ตั้งใจกันมา แต่เรา.. โรแมนติคคนเดียวเบาๆ

"ท่านี้เป็นท่าเรือบ้านพักตากอากาศ ที่แองเจลิน่า โจลี่กับแบรด พิตต์ชอบมาพักผ่อนนะครับ" อ่ะ.. ถ่ายๆๆ ถ่ายมันทุกท่าที่เรือไปจอดแวะ เห็นฝรั่งถ่ายอะไรเราก็ถ่ายตาม กลัวไม่มีรูปตัวเอง เดี๋ยวส่งให้พ่อแม่ดูแล้วไม่ฟิน พ่อแม่บอกว่าให้ถ่ายตัวเองเยอะๆ เค้าอยากดูลูก วิวไม่ต้องเยอะ
เราจึงจัดเซลฟี่ ยืดแขน ยิ้มแห้งๆ กดหน้าลงนิดนุง เอาใจสุดๆ ลึกๆแล้วอยากอัดวิดีโอเลยล่ะ ให้แม่กับป๊าดูว่าที่นี่สวยจริง แต่มาคนเดียว พูดคนเดียวกับกล้อง จะดีเหรอ?!
รูปก็พอเนอะ อ่ะ งั้นถ่ายต่อปายย..
ชั่วโมงแรกพี่ก็ตื่นเต้นดี ครึ่งชั่วโมงถัดไปพี่เริ่มหาว..
นี่ใช่มั้ย.. ที่เค้าบอกว่า สวยซะให้เบื่อ! สวยซะให้เข็ด! คือมันสวยไปหมด ไปกี่ท่าๆก็สวยหมด
จ้าา.. สวยพอละจ้าา หนูง่วง

พอเรือเทียบท่า คนก็ทยอยออก เราก็มารยาทดี ค่อยๆเดินออกตามแถว
พอหลุดจากแถวเท่านั้นแหละ วิ่งสิจ๊ะ.. รออะไร! ไอตงไอติมไม่ต้องกินมันละ เดี๋ยวรถมารับหกโมงกว่า ต้องรีบกลับไปนอน เพราะคืนนี้พี่ต้องโต้รุ่งอย่างมีสติ

รอรถเมล์แบบตึงเครียดเล็กๆ เพราะต้องคำนวนเวลานอนที่เริ่มเลทไปด้วย แล้วเราจะได้นอนพอไหม??
รถมา รีบขึ้นเลย ไม่มงไม่มองมันละวิว นั่งวางยุทธศาสตร์การแพ็คของโดยใช้ระยะเวลาให้น้อยที่สุด เพื่อเวลาโรงแรมปลุกจะได้ไม่ตื่นมาลน แล้วลืมของ พลันนึกถึงสิ่งที่เรานั้นเคยคิดอิจฉาแอร์ ไอ้ที่เค้าบอกว่าแอร์ได้มานอนยุโรปบ่อยๆนี่ เพิ่งจะเข้าใจว่า.. ถ้าหักเวลานอนพักร่างหลังโต้รุ่งทั้งไฟลท์ เวลานอนเอาแรงก่อนไฟลท์ และเวลา Jet Lag นี่ พี่จะมีเวลาพักผ่อนจริงๆเท่าไหร่กัน มาเจอจริงๆมันไม่ได้ดีเวอร์อย่างที่เขาร่ำลือกัน

ว่าแต่รถเมล์นี่ อีขาไปล่ะใกล้เชียว อีขากลับทำไมมันรู้สึกน๊านนานไม่รู้ พอถึงป้ายเลยรีบกระโดดลงแล้วข้ามถนนวิ่งเข้าโรงแรมโดยพลัน จนลืมสนใจว่าจะมีใครที่รู้จักในไฟลท์นั่งกันอยู่ที่โซฟา Lobby หรือไม่

เปิดห้อง อาบน้ำ เก็บเสื้อผ้า แขวนยูนิฟอร์ม แกะถุงน่อง เก็บคอม แล้วกระโดดขึ้นเตียง
เยี่ยม! บ่ายสองโมง มีเวลานอนก่อนบินเพียง 3 ชั่วโมง
เอาล่ะ คร่อกก.. อืมม นอนไม่หลับว่ะ แสงอาทิตย์แยงตา ต้องปิดม่านๆ
ลุกขึ้นไปปิดม่าน อ้าว มืดจัง ม่านดีเกินนิ.. งั้นเปิดไฟๆ
ไม่หลับอีก ทำไงอ่ะ..

เอารูปจากกล้องมาดูดีกว่า.. เผื่อจะได้เพลิน และหลับไป
เปิดย้อนดู แหม่.. นึกว่าโปสการ์ด ฝีมือใครนะ!?  ถ่ายดีๆ มโนชมตัวเองไป ปรบไม้ปรบมือไป กดรัวๆไปเจอรูปที่เซลฟี่กับตัวเอง สภาพเหมือนหนีสงครามมา เพราะโทรม หัวฟู ไม่แต่งหน้า แถมชุดยังดูดี๊ ดูดี
นอกจากสภาพจะอนาถแล้ว ทั้งคางสองชั้น กับหน้าที่บานบังวิวหมดเลยนั่นคืออะไร อยากจิลบให้หมด แต่ถ้าลบ ก็ไม่มีรูปเราเลยนะวันนี้

ไหนเคยเห็นรูปแอร์คนอื่นแต่งตัวกันสวยงาม นั่งโพสต์ท่าดูไฮโซ แต่ทำไมพอถึงตาเรา.. มันไม่ไฮโซเลยนะ
ไม่เป็นไร ไว้แก้มือใหม่ทริปหน้า เราคงต้องหาเพื่อนต่างชาติแล้วล่ะ แล้วออกมาเที่ยวกับเขาแทน.. มีคนถ่ายรูปบ้าง ถ่ายร่วมกับฝรั่งบ้าง ไม่งั้นแบบนี้เสียเที่ยวเลย ดูไม่อินเตอร์ด้วย

เครียดนะ.. นอนไม่หลับ แต่อมยิ้ม ทุกความทรงจำดีๆในวันนี้ที่ได้มาเดินกรุงเจนีวาแต่เช้าตรู่ ได้กินข้าวแบบลองผิดลองถูกตลกๆ มาล่องเรือในทะเลสาปคนเดียว มาดูน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถึงมันจะบันทึกไม่ได้ด้วยรูปสวยๆที่มีเราอยู่ในนั้น แต่ในความรู้สึก ภาพความทรงจำก็จะอยู่ในใจเราตลอดไป ถ้าไม่ได้อาชีพนี้ ก็คงไม่มีโอกาสนี้
เอาล่ะ.. ตาปรือ เหลือแค่ 2 ชั่วโมงต้องรีบตื่นไปบินกลับอาบูดาบีแล้ว
นอนล่ะนะเจนีวา เลิฟยูว Good Night ✈️✨"

จบละนะคะตอนที่ 6 ส่วนใครที่อยากอ่านงานเขียนเรื่องเล่าของเจ้าของกระทู้ย้อนหลัง เราลงลิงค์ไว้ให้ด้านล่างนี่แล้วนะคะ :
" แกคือคนสุดท้ายในรุ่นที่ชั้นจะคิดว่าได้เป็นแอร์ " ..จากคำสบประมาท สู่ฝันแอร์โฮสเตสสายการบินตะวันออกกลาง
http://www.ppantip.com/topic/34273378

" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 1 : ฝันที่เป็นจริงหรือภาพลวงตา ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34504171?

" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 2 : หรือฉันจะไม่ใช่นางฟ้า ?.. ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34536596?

" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 3 : นี่หรือ.. ที่เขาเรียกกันว่า ชีวิตนางฟ้า ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34568986

" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 4 : ใครๆก็บอกว่า.. เราบินได้ ✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34635697

" เรื่องเล่าแอร์โฮสเตสตะวันออกกลาง ตอนที่ 5 : สวิสในฝัน ฉันมาถึงแล้ว✈️✨ "
http://www.ppantip.com/topic/34675852
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่